สีน้ำ สีน้ำมัน เลือกสีแบบไหนให้เหมาะกับบ้านของเรา

สีน้ำ สีน้ำมัน เลือกสีแบบไหนให้เหมาะกับบ้านของเรา

สีน้ำ สีน้ำมัน เลือกสีแบบไหนให้เหมาะกับบ้านของเรา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลาย ๆ คนรู้สึกสับสนกับการเลือกสีชนิดต่าง ๆ มาใช้ให้เหมาะกับงานที่จะทำ ชนิดของสีนั้นมีผลอย่างมากต่อผลงาน ดังนั้นจึงต้องเลือกให้ถูก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดป้องกันไม่ให้เสียทั้งเงิน และเสียทั้งเวลา สีหลัก ๆ ที่ใช้ในการทาผนังในปัจจุบัน แบ่งเป็นสีสูตรน้ำ และสีสูตรน้ำมัน ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกัน แต่สีสูตรน้ำมันนั้น จะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีความมันเงา ใช้กับงานได้หลายประเภท ทั้งงานไม้ ทาประตู เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งพื้นห้องด้วย แต่ทั้งนี้ ในการเลือกให้เหมาะ ก็ต้องรู้ข้อดีและข้อเสีย ของสีแต่ละประเภทก่อนดังนี้

สีสูตรน้ำ หรือ Water-based paint

สีสูตรน้ำนั้น ต้องมีความระมัดระวังมากกว่า ยิ่งถ้าหากพื้นผิวที่จะทานั้น เคยมีการเคลือบ หรือทาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบ สีสูตรน้ำ สีใหม่ที่ทาลงไป มักจะทาไม่ติด ซึ่งทำให้เสียเวลาต้องขัดออกด้วยกระดาษทรายก่อน จากนั้น ทำความสะอาด ปล่อยให้แห้ง แล้วค่อยทาสี และเมื่อทาแล้ว ก็ต้องป้องกันสีลอก ด้วยการทาน้ำยาเคลือบ แต่ทั้งนี้ สีสูตรน้ำมันก็มีข้อดีคือ

1.มีปริมาณสารพิษที่ระเหยออกมาต่ำ

2.สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยน้ำธรรมดา

3.เป็นสีที่แห้งเร็ว

4.มีความยืดหยุ่น เมื่อทาแล้ว สีไม่แตกง่าย

5.สีคงสภาพยาวนาน ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

สีสูตรน้ำมัน หรือ Oil-base paint

สีสูตรน้ำมันนั้นเป็นสีที่เป็นที่นิยมใช้กันมากกว่าสีสูตรน้ำ และมีข้อดีอยู่มากมาย ดังนี้

1.ให้ความมันเงา ดูสวยงาม

2.ทาง่าย สีเรียบไม่เป็นรอยขรุขระเมื่อทาเสร็จ

3.สีที่ได้มีความแข็ง และทนทาน

ทั้งนี้ แม้สีสูตรน้ำมันจะใช้ง่าย และดูสวยงามมากกว่าสีสูตรน้ำ แต่สำหรับผู้ที่พอใจจะใช้สูตรน้ำมากกว่า ปัจจุบันก็มีทางเลือก โดยผู้ผลิตสีได้ปรับปรุงให้สูตรน้ำมีความใกล้เคียงกับสีสูตรน้ำมันมากขึ้นคือ สีที่เรียกว่า waterborne enamel หรือ waterborne alkyd สีทั้งสองชนิดนี้ใช้แล้วจะดูเหมือนสีสูตรน้ำมัน เพราะได้มีการเพิ่มส่วนผสมที่ทำให้สีมีความเรียบลื่นเข้าไป

นอกจากสีสูตรน้ำมัน และสีสูตรน้ำแล้ว ยังมีผู้ผลิตที่ออกผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาเป็นทางเลือก หลายผลิตภัณฑ์ ได้รับการปรับปรุงให้มีความทนทาน ใช้งานไม่ยากแม้กระทั่งมือใหม่ก็สามารถใช้ได้ ในขณะที่ผลที่ได้ก็มีความแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

สีด้าน หรือ สี Matte

เป็นสีชนิดที่สะท้อนแสงน้อย ให้พื้นผิวนุ่ม ช่วยปิดบังผนัง หรือเพดานที่ไม่สมบูรณ์แบบได้ดี นอกจากนี้ ยังเป็นสีที่ให้ความลึก แต่สีด้านนี้ มักจะไม่เป็นที่นิยมนักเพราะทำความสะอาดยาก

สีที่มีความมันเงาน้อย พวก Eggshell และ Satin

สีกลุ่มนี้ มีความมันเงาเพียงเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วสี Satin จะมันเงามากกว่า Eggshell  แต่ทั้งสองชนิดเป็นสีที่มีความทนทาน  นิยมใช้ในการทาพื้นที่ อย่างเช่น ในห้องครัว ห้องน้ำ และพื้นที่ ที่ต้องการให้ทำความสะอาดง่าย และไม่ต้องการความมันเงามากนัก

สีกึ่งมันเงาหรือ Semi-gloss paint และสีมันเงา หรือ Gloss paint

สีชนิดนี้ ให้ความเรียบเนียน มีความทนทานมากที่สุด และสามารถทำความสะอาดได้ไม่ยาก สีชนิดนี้ มักจะนำมาใช้ทาบัว  และบานประตู ช่วยปกปิดร่องรอยที่ไม่สมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี

Sue Kim ผู้เชี่ยวชาญด้านสีจาก Valspar บอกว่า สีมันเงา และสีด้าน สามารถใช้ตกแต่งในห้องเดียวกันได้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจด้วยพื้นผิวที่มีความแตกต่าง ส่วนสี Eggshell และ Satin เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก อีกทั้งยังสะท้อนแสงได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook