Review ต่อเติม "ครัวสีดำ" ตามใจฉัน

Review ต่อเติม "ครัวสีดำ" ตามใจฉัน

Review ต่อเติม "ครัวสีดำ" ตามใจฉัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายคนมีปัญหาเรื่องการต่อเติมครัว เพราะไม่มีไอเดีย Sanook! Home เลยนำไอเดียของคุณ Background of Babysinz ห้องชายคา เว็ปไซต์พันทิป ดอทคอม มาแชร์ให้กับทุกคนค่ะ รับรองละเอียดยิบ ว่าแล้วตามไปดูห้องครัวของคุณ Background of Babysinz กันเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ หลังจากที่ซุ่มตัวหาความรู้เรื่องการต่อเติมห้องครัวใน pantip อยู่นาน หลังจากที่เรียนจบมาทำงานก็ปีเข้าไปปีกว่าๆ แล้ว อยากจะมีสมบัติเป็นของตัวเอง ให้มันเป็นชิ้นเป็นอัน
ก็คิดว่าคงได้เวลา มีบ้านเป็นของตัวเองซะที

บ้านที่เราซื้อเป็นบ้านในโครงการจัดสรรแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ค่ะ ซึ่งเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย หลังเล็ก ถึงเล็กมาก (ทุกๆ คนที่มาล้วนแต่บอกแบบนี้ ทั้งเพื่อน ญาติพี่น้อง แม้กระทั่ง ขนส่งของ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ยังพูดว่าเล็กจริงๆ) จำนวน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ไม่มีห้องครัว แต่ทำซิ้งค์ล้างจานไว้ให้หลังบ้าน (นอกตัวบ้าน) ยาวประมาณ 2.4 เมตรค่ะ  เนื่องจากเราอยู่กันแค่ 2 คนกับแฟน ก็ไม่รู้จะซื้อหลังใหญ่ไปทำไม เสียเวลาทำความสะอาดเปล่าๆ (จริงๆ งบหมดค่ะ)

ดูเปรียบเทียบก่อนหลัง ณ จุดๆ นี้ไปก่อนะคะ


โล้นๆ แบบนี้เลยค่ะ โดยส่วนตัวลึกๆ แล้ว เราชอบนะ เล็กๆ อบอุ่นดี ทรงก็สวย (เข้าข้างตัวเอง สุดฤทธิ์)

อย่างแรกที่ทำก็คือ ตัดเหล้กดัด กับผ้าม่าน แล้วก็ทำหลังคาโรงจอดรถค่ะ
โดยเจ้าทำเหล็กดัดกับหลังคาโรงจอดรถเป็นเจ้าเดียวกัน (จริงๆ เขารับทำผ้าม่านด้วยนะ แต่ว่าเราเลือกทำกับอีกเจ้าหนึ่งที่เรามั่นใจมากกว่าค่ะ)
ผลงาน หลังคาโรงจอดรถ กับ เหล็กดัด เราให้ 7/10 ค่ะ
ข้อดี เร็ว, ถือว่าถูก, และคุยง่าย

หักคะแนนข้อเสียคือเก็บงานยังมีจุดให้ติหลายจุด และตามมาแก้ มาช้าค่ะ (แต่ก็มา)



อันนี้รูปโดยรวมค่ะ (อย่าไปดูถึงความรกนะคือแบบว่า ของยังไม่เข้าที่ค่ะ อิอิ)



เหล็กดัดเราเหล็กลายธรรมดาๆ เพราะรู้สึกว่ามันไม่เบื่อค่ะ และที่สำคัญ ถูกสุดๆ อิอิ

ขอคั่นด้วยคำถามค่ะ คือเหล็กดัดในห้องน้ำ อยู่ดีๆ สนิมขึ้นอย่างนี้ เราควรแก้ยังไงดีคะ



คุณแฟนของเราเป็นผู้ชายฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ชอบอยู่ครัว ทำกับข้าวตลอดค่ะ (ต่างกับเราโดยสิ้นเชิง) แกเลยงอแง อยากได้ห้องครัวเป็นของตัวเอง ก็เลยตัดสินใจที่จะต่อเติมครัวด้านหลังค่ะ (ยังพอมีพื้นที่ให้ต่อ) ซึ่งพื้นที่ข้างหลังค่อนข้างแคบ แต่ยาวค่ะ ประมาณ 8.2*1.45 ม. ก็ค่อนข้างออกแบบยากอยู่ค่ะ

อันนี้ข้างหลังแบบยังโล่งๆ เห็นหน้าต่างสองบาน หนึ่งบานขวาติดโถง หนึ่งบานซ้ายเป็นหน้าต่างห้องนอนเล็ก



อันนี้จากด้านข้างจะเห็นว่ามีเคาท์เตอร์ปูนล้างจาน ขนาดประมาณ 1.8 ม. ให้หนึ่งอัน


อันนี้มองจากหลังบ้าน ก็มีอยู่แค่นี้ มันแบบว่า มันไม่พออ่ะ มันไม่สะใจเลยอ่ะ


คือเรากับแฟนช่วยกันออกแบบเอง  (แหมๆ ออกแบบเอง พูดละมันแบบจั๊กจี้อ่ะ จริงๆ ก็แค่สุมหัวกันอ่ะค่ะ) เนื่องจากอยากให้ทุกพื้นที่ที่มีอยู่นั้นได้ใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดค่ะ คิดว่าจะทำแบบประหยัดที่สุดค่ะ คือจะให้คงเดิมที่สุด คือ ทางโครงการเขาปูกระเบื้องไว้นิดหน่อยอยู่แล้ว เราก็จะทำแค่ต่อเคาน์เตอร์ทำกับข้าว จากเคาน์เตอร์ อ่างล้างจานออกมาอีก 2 เมตร ให้รวมเป็น 3.8 ม. ยาวไปเลย (ฝั่งติดกับตัวบ้าน) ทำปูนขัดมัน แล้วก็ก่อปิดจบ Happy ending
แต่งจริงๆ มันไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ เพิ่งรู้ว่ากิเลสมันเยอะ.

แบบยังไม่ทันคิดเสร็จ ก็เริ่มมองหาผู้ว่าจ้างค่ะ กลัวที่สุดคือการทิ้งงาน และได้ผู้รับเหมาที่สับเพร่าค่ะ  
เราหาผู้รับเหมาจากหลายที่มาก หลักๆ เลย มีประมาณ 4 เจ้า แบบหลักๆ

1. เจ้าแรกเราหาจากในอินเทอร์เน็ตค่ะ เขาเป็นผู้รับเหมาที่เชียงใหม่ มีแฟนเพจด้วย เราดูผลงานเขาที่ผ่านมาก็ดูดีนะคะ เลยนัดกันมาตกลงราคา  สุดท้ายเลื่อนไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจนะคะว่างานยุ่ง คือเราไม่ว่าหรอกค่ะถ้าเขาจะปฏิเสธงานเล็กๆแบบนี้ แต่คือเสียความรู้สึกตรงทิ้งให้เรารอเก้อค่ะ เพราะตอนเราดิวงานกับเขา เราดิวกับเขาเพียงคนเดียวค่ะ สุดท้ายเราถามไปตรงๆ จนยอมรับว่ายังไม่ได้ทำให้ สุดท้าย เสียเวลาไปเต็มๆ 1 เดือนค่ะ

ตั้งแต่นั้นมา เราหาผู้รับเหมาแบบไม่รอใครเลยค่ะ ติดต่อเรื่อยๆ ใครส่งแบบและราคามาให้ก่อนเราก็พิจารณาเลยค่ะ คือใจจริงๆ ลึกๆ เราอยากให้ประหยัดให้ได้มากที่สุด เราตั้งงบไว้ 60,000.- ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า

มาต่อกันที่เจ้าที่สองเลยค่ะ
2. เจ้าที่ 2 อันนี้หามาจากในอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน พอดีเขาอยู่ใกล้บ้านเราพอดี ก็เลยนัดมาดู เขาก็แนะนำหลายๆ อย่าง เช่น ย้ายเคาน์เตอร์ไปอีกฝั่งไหม หลังคา ทำแบบเดียวกับตัวบ้านไปเลยไหม (ซีแพค) คือตอนแรกเราตั้งไว้แค่เป็นเมทัลชีท กับกันความร้อน เพื่อประหยัดเงินไว้ค่ะ และอีกหลายอย่างนู่นนี่นั่น  เราก็เออๆ ออๆ กับเขาไปทุกอย่าง (พอดีเป็นคนเชื่อคนง่ายอ่า อิอิ)  ซัก 3-4 วันต่อมา ก็ได้ราคาประเมินมาค่ะ 180,000.- บาทถ้วน โอ้แม่เจ้า คือแบบว่า ยิ่งกว่าเท่าตัวของงบที่ตั้งไว้ ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงอะไรๆ หลายหลายอย่าง แต่ว่าไม่ไหวจริงๆ ค่ะ เลยต้องร้องเพลง บ๊ายบาย ...

3. เจ้าที่ 3 เจ้านี้เซลล์ตอนขายบ้านแนะนำมาค่ะ คือเขาทำหลายบ้านในหมู่บ้าน (ตามที่เซลล์บอก) แต่เราไม่ได้เข้าไปดู เพราะเราหน้าหนาไม่พอที่จะไปเคาะบ้านเขา แล้วเข้าไปเดินทัวร์เพื่อดูฝีมือช่างค่ะ อิอิ) ได้ฤกษ์ก็นัดมาดูเจ้านี้ ตามใจฉันทุกอย่างค่ะ ตอนที่ได้เจ้านี้มา เราก็เริ่มเปลี่ยนความคิดว่าจะย้ายเคาน์เตอร์ไปไว้ฝั่งนอกตัวบ้านเลยค่ะ ปูกระเบื้องผนังเล็กน้อย กระเบื้องเคาน์เตอร์และพื้นจัดเต็ม ย้ายหน้าต่าง ย้ายประตู นู่นนี่นั่นนิดหน่อย ผ่านไป 3-4 วัน ช่างตีราคาออกมาให้ 90,000.- คุยไปคุยมา ช่างลดให้เหลือ 86,000.- แต่ ...

4. เจ้าที่ 4 ระหว่างที่กำลังจะไปได้สวยจากเจ้าที่ 3 เจ้าม้ามืดนี้ก็ได้เข้ามาผ่านทางพี่ชายที่เป็นวิศวกร จริงๆ พี่ชายอยากให้รออีกเจ้า ซึ่งงานเขาเยอะ แต่ราคาดี แต่เราก็ใจร้อน พี่เลยส่งเจ้านี้มาให้ดิวดู สรุปราคา กันได้ที่ 79,000.- ถ้วนไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า และ บล็อคแก้ว  สรุปเราเลยได้เจ้านี้มาค่ะ  


เมื่อตกลงกันเรียบร้อยในวันศุกร์ ช่างก็บอกว่าจะเข้ามาในในวันจันทร์ถัดไป (รวดเร็วทันใจวัยรุ่นใจร้อนอย่างเราจริงๆ)

สรุปงานที่ช่างต้องทำ (ตามที่ตกลงไว้ในครั้งแรก)นะคะ
1. เทพื้นให้ได้ระดับเดียวกัน
2. ทุบเคาน์เตอร์เดิมทิ้ง ให้ไม่เหลือแม้แต่ซาก (แต่เหลืออ่างล้างจานไว้นะ อิอิ ไม่อยากซื้อใหม่)
3. หลังคา Cpac, ฝ้าฉาบเรียบบุฉนวนกันร้อน
4. ก่อปิด ใส่บล็อกแก้ว ฉาบ
5. ก่อเคาน์เตอร์ครัวยาว 4 เมตร
6. ย้ายประตู ย้ายหน้าต่าง
7. ทาสี ปูกระเบื้อง
8. เดินน้ำเพิ่ม 2 จุด  ไฟ 3 จุด ปลั๊ก 5 จุด

ช่างเริ่มเข้ามาแล้วค่ะ เริ่มต้นทำงานเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2557 มากัน 4 คน รวมผู้รับเหมา ชื่อลุงบ. พอมาส่งคนงานเสร็จปุ๊ปลุงบ. หายแว๊บเลย แกบอกว่ายังมีงานค้างอีกบ้านหนึ่งที่ยังไม่เสร็จ เราก็โอเคค่ะ เริ่มแรกเลย ก็ทุบๆ  เสร็จแล้วก็เทปรับระดับพื้นให้เท่ากัน ดูรูปเองเลยเนอะ พอดี พูดไม่ค่อยเก่ง อิอิ


คือแฟนเราอยู่คุมงานที่บ้านทุกวันค่ะ แต่เราออกไปทำงานตลอด เลยให้แฟนถ่ายรูปมาให้ดูตลอด คือแบบอยากรู้อยากเห็นไปหมด รูปเลย เยอะนิดนึง  

ต้องขอบอกก่อนนะคะว่า เราต่อเติมไม่ได้มีการลงเสาเข็ม เนื่องจากบ้านในโครงการนี้ไม่ได้ลงเสาเข็มเหมือนกัน ฮ่าๆ มันเหมือนจะไม่ใช่เหตุผลเลยนะ แบบว่าอย่าว่าเราเลยนะ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลยอ่ะ ก็คือเหตุผลที่เขาว่ามาคือ ดินที่นี่ เขาถมไว้หลายปีดีดักละ มันคงไม่ทรุดไปมากกว่านี้ละ ถึงจะทรุดก็คงนิดหน่อย อีกอย่างนึงที่เราไว้วางใจ คือพี่ชายเราที่เป็นวิศวกร คอยมาดูตลอด และพี่ชายก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เหมือนกับเราเหมือนกัน พี่ชายอยู่มา 3-4 ปีละ เราเลยมั่นใจในระดับหนึ่ง

คือตอนแรกที่คุยกับลุงบ.ไว้ ลุงว่าใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะถ้าเกินนี้ แกจะขาดทุน เราก็โอเคค่ะ เมื่อเทพื้นปูนเสร็จ ลุงบ. แกก็ขอเบิก 30,000.- ค่ะ ใจจริงเราก็ดูๆ มาเยอะนะคะจากที่ pantip ว่าควรจ่ายตามงวดงาน เป็นงวดๆไป เพราะกันผู้รับเหมาทิ้งงาน แต่ว่าอันนี้เราให้เครดิตพี่ชายเราคนเดียวเลย เพราะเราไว้ใจพี่ชายเรา ซึ่งเราบอกพี่ชายแล้วว่า ลุงบ.จะขอเบิก เขาก็บอกโอเค เราก็โอเคค่ะ
 
พื้นเสร็จก็ขึ้นเหล็กสำหรับหลังคาค่ะ ลุงบ. ซื้อของมาเตรียมรอไว้ละ เตรียมก่อปิดค่ะ คือช่วงที่งานเก่ายังไม่เสร็จ ช่างจะมาประมาณ 2-3 คนค่ะ งานเลยเดินไปอย่างช้าๆ ภาษาเหนือเรียกว่า อย่างเนิบๆ



ช่างจะทำงานทุกวันจันทร์ - เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ และวันหยุดข้าราชการค่ะ
ขออภัยแทนคนถ่ายด้วยนะคะ ถ่ายไม่ได้เรื่องเลย บางทีส่งมาให้เราดูเราก็ยังดูแบบมึนๆ ว่า นี่มันตรงไหนเนี่ย
ขึ้นโครงหลังคาแล้ว

ช่วงนี้วันหยุดราชการก็เยอะ วันหยุดช่างก็เยอะ เดี๋ยวมีงานศพ เดี๋ยวมีนู่นมีนี่ งานมันก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างเนิบๆ (แต่ก็ยังเดิน)
คืออย่างน้อยก็ดีตรงที่ ทุกครั้งที่จะไม่มา ช่างเขาบอกเราเสมอไม่ปล่อยให้เรารอเก้อค่ะ

รู้สึกไม่ค่อยมีสาระเรื่องก่อสร้างเลยอ่ะ มีแต่เราพร่ำเพ้อพรรณาอะไรก็ไม่รู้ อ่ะ ดูรูปดีกว่า
ทำงานก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อ อิอิ



สำหรับเรา  แฟนเราชอบทำกับข้าวทานเอง และชอบเปรียบเทียบราคาระหว่างทำเองกับซื้อมา ฟังอย่างนี้ทีไร  เวลาไปทานข้าวข้างนอก  รู้สึกว่าแพงทุกที  เลยกลายเป็นทานข้างนอกเฉพาะโอกาสพิเศษค่ะ  ( จริงๆ ไม่มีตังค์ )

มาต่อๆ หลังคาใกล้จะเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว



ช่วงที่ทำหลังคา  ช่างมาประมาณ 5 คนค่ะ
คือประมาณว่าไม่มีงานที่ไหนละ (อันนี้ ลุงบ. บอกมา)


อย่างที่บอกเนาะงานมันก็ไปเรื่อยๆ ของมัน  แบบช้าๆ แต่ก็เดิน ไม่มีปัญหาอะไรให้ปวดหัว ( ณ ตอนนี้ )

ก่อขึ้นมาแล้ว



เสร็จงานจนถึงการก่อ ณ จุดนี้ใช้เวลาไปประมาณ  10 วัน  ไม่รวมหยุดทั้งหลายแหล่
เอิ่ม ลุงบ. คะ  แล้วอีกแค่  4 วันจะครบ 2 อาทิตย์  มันจะทันตามที่ลุงว่าไหมคะ ??



ต่อกันดีกว่า
ตอนฉาบ คือเราลาพักร้อนอยู่บ้าน เพราะแม่มาหา เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลย



ภายในตอนแรกฉาบไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ เพราะเขาบอกว่า นึกว่าเราจะปูกระเบื้อง เราเลยบอกว่าเราปูไม่หมด  เขาเลยแก้ให้ใหม่



อันนี้ผู้คุมงาน อิอิ เห่าตลอด



เสร็จงานก็หลับ



เข้าเรื่องดีกว่า  มาถึง ณ จุดๆ นี้ ไปเดินเล่น โฮม .. โกล .. และอื่นๆ อีกหลายที่ ก็เกิดกิเลส เห็นแต่กระเบื้องลายสวยๆ ก็เลยอยากจะเลือกกระเบื้องเอง
ก็เลยคุยกับ ลุง บ. ว่าจะขอ ซิ้อกระเบื้องเอง แล้วให้ลุงทำชั้นวางรองเท้าปูน  หน้าบ้าน กับระแนงบังแดด ตรงพื้นที่ที่จะวางแท้งค์น้ำให้
ก็เป็นอันตกลง เสียเงินเพิ่มละรู้สึกดีใจ  ฮ่าๆๆ

อันนี้ย้ายหน้าต่างที่ติดกับห้องนอนเล็กออก  แล้วปิด



ปิดแล้วก็ฉาบ



หลายๆ คนอาจจะมองว่า  ทำไมทุกๆ อย่างมันดูราบรื่นดีจัง แต่จริงๆ แล้ว ทุกๆ อย่างมันเพิ่งจะเริ่มต้นค่ะ
หุหุ ขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ  วันนี้ไม่ไหวละตาจะปิด.

มาแล้วๆ จะพยายาม อัพเดทวันนี้ให้ได้มากที่สุดนะคะ
เมื่อภายนอกฉาบเสร็จก็มาทำภายใน เริ่มจากเคาน์เตอร์ ณ ตอนนี้ เตาและเครื่องดูดควันที่เราสั่งมาจาก กทม. ก็มาถึงแล้ว รวดเร็วทันใจ



ช่างก็เริ่มก่อแล้ว



ก่อแบบ (เขาเรียกอย่างนี้รึป่าว)



อันนี้คือเราเขียนให้ช่างค่ะ พอดีเราคุยกับพี่ที่ขายแก๊สและเครื่องดูดควันให้ เขาบอกมาว่าเตาสามารถฝังหรือตั้งก็ได้ เราเลยเลือกที่จะฝังค่ะ พี่เขาเลยบอกมาว่า ให้เจาะฝัง 36*66cm เราก็เลยวาดให้ช่างค่ะ (คือลายเหมือนเด็กอนุบาลวาดมากเลย เรียนมาศิลปะเป็นวิชาที่ไม่ชอบเลย ได้ออกมาแค่นี้ก็ภูมิใจตัวเองละ) คือเราไม่รู้ว่าคนอื่นมองภาพนี้แล้วจะเข้าใจไหม เราถามพี่ที่ทำงานเขาก็ว่าเข้าใจ แต่ช่างดูแล้ว งง เราก็เลยบอกเอาไปวัดเองเลย เพราะเตาก็อยู่ตรงนั้นแล้ว



ช่างก็มาสุมหัวกันใหญ่เลยค่ะ (คือ ณ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่บ้านนะคะ แฟนเราอยู่ที่บ้าน ส่วนเราคอยสั่งงานจากที่ทำงานค่ะ แฟนเราก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย คือแบบเก่งไปในทางพ่อบ้านซะมากกว่า แถมเป็นคนจีน พูดกับช่างก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ช่างก็ไม่รู้เรื่อง ช่างพูดแฟนก็ฟังไม่รู้เรื่อง)



คือจริงๆ เตาแก๊สเราตรงก้นมันจะประมาณ 35*65cm สรุปทำมาทำไป กลายเป็นว่า ช่างไปเจาะเพื่อทำรูฝังขนาด 75*45 ตามขนาดของหน้าเตาค่ะ เราก็เฮ้ยไม่ใช่ๆ ให้เจาะขนาดที่เราบอกเลย คือ 35*65 เพราะเราจะทำเตาฝัง ช่างก็งง



เราเลยให้ลุงบ. โทรมาคุยกับเรา คุยเสร็จลุงก็บอกว่าเข้าใจละๆ ออกมาเป้นสภาพนี้ คือแฟนเราก็บอกลุงบ.แล้ว ว่าไม่ใช่แบบนี้ ลุงก็บอกแบบนี้แหละๆ เราก็บอกไม่ใช่ค่ะ ก็เราอธิบายจนไม่รู้จะอธิบายยังไงละ อยากละลางานกลับบ้านทันที ไปทำเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย



เนี่ยค่ะ คือไม่รู้จริงๆ ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรกัน เราก็บอกไม่ใช่ๆ



เขาก็พยายามแก้ใหม่ ปิดทึบไปก่อน



พอดีแฟนถ่ายรูปนี้มาให้ดู ตรงก่อซิงค์ล้างจาน เราก็เลยบอกช่างว่าเอาทะลุเป็นสี่เหลี่ยมเหมือนซิงค์ล้างจานเลย ขนาด 36*66 cm



เขาก็บอกอย่างนั้นมันทะลุเลยนะ
เราก็บอกค่ะเอาทะลุเลย และเขาก็ถามว่าจะเอาขาวางกับอะไร เราก็บอกว่ามันทำลอยได้ ไม่วางก็ได้ ช่างเลยอ๋อ เข้าใจ
ก็รีบแก้ไข



พอทำเคาน์เตอร์เสร็จ เราให้ช่างทำงานเพิ่มเติมจากเดิมค่ะ เนื่องจากพื้นที่ข้างบ้านเดิมเป็นหญ้า แล้วแฟนขี้เกียจรดน้ำต้นไม้เยอะ เลยอยากจะเทปูนซะ ซึ่งคิดได้เป็นพท. 26 ตรม.ลุงบ. คิด 5,000.- บาท ค่ะ เราไม่รู้ว่าถูกหรือแพง นาทีนั้น ขี้เกียจหาละ เอาก็เอา แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ พอดีวันนั้นไม่อยู่บ้านกันค่ะ



มาถึง ณ จุดๆนี้ งานมันก็ยังเดินไปเรื่อยๆ ของมัน จากที่แม่เราจะมาหาจากหาดใหญ่ เพื่อช่วยตรวจห้องครัวตอนจะเสร็จ กลับกลายเป็นว่า ถึงกำหนดกลับ (วันที่ 18) ตอนนั้นฝ้ายังไม่มาลงเลยค่ะ
พอเสร็จจากเทปูน แม่เรากลับไปทั้งครัวยังไม่ไปถึงไหน ลุงบ.ก็มาพร้อมฝ้า เตรียมขั้นตอนงานถัดไปค่ะ ฝ้าค่ะ

คือในระหว่างนั้น เราก็อารมณ์ดี ไปเลือกกระเบื้อง โอ้โห ตาลาย เลือกไม่ถูก แต่ว่า มีลายๆ หนึ่งที่ถูกใจมาก คือ Subway ตามรูปเลยค่ะ (ขอขอบคุณเจ้าของรูปด้วยนะคะ จำไม่ได้จริงๆ ว่าเซฟมาจากที่ไหน คือเซฟมาเยอะเกิน)

 


ที่รู้มาคือ ส่วนใหญ่จะนำกระเบื้อง 8*8 มาตัดครึ่งและเรียง เราก็คิดว่ามันคงไม่น่ายาก และก็เอายาแนวสีดำแบบนี้เลย
ตัดสินใจละ เอาแบบนี้แหละติดไว้ที่ผนังฝั่งเคาน์เตอร์ครัว



เกริ่นนำ เรื่องความคิด ผนังห้องครัวสีดำ คือตอนแรกเราก็คิดจะเอาสีขาวทั่วไปอย่างคนธรรมดาเขานั้นแหละค่ะ
พอดีไปดูกระทู้ของคุณ David Minho Khamyan  http://pantip.com/topic/32938316
ซึ่งทำเกี่ยวกับ ผนังปูนเปลือย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำตาม โดยที่แรกที่เราทำ คือ ผนังติดชั้นวางทีวีค่ะ  



สีเหลือเอาไปทารั้วบ้านต่อค่ะ



คือตอนไปเลือกเนี่ย เราไปกับแม่ พอไปเลือกแม่เราชอบสีฟ้า แต่ตัวเราชอบสีดิบๆ เทาๆ

แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมให้เราค่ะ เพราะเราเป็นคนจ่าย อิอิ เราเลยสัญญากับแม่ว่า เดี๋ยวจะทาสีฟ้าไว้ที่ห้องครัวให้
เราก็เลยปิ้งไอเดียว่า ถ้าเอาสีฟ้าไปทาที่ห้องครัว ซักฝั่งนึง มันก็จะดูสว่าง กลืนไปกับผนังสีขาวธรรมดา จึงแอบตัดสินใจเงียบๆ ยังไม่บอกใคร
ชั้นจะทาผนังสีดำ แล้วเอาด้านนึงตัดเป็นสีฟ้าไปเลย หึหึหึ

ทีนี้เราก็ไปเลือกกระเบื้องอย่างมีจุดหมายค่ะ เพราะธีมเราคือ ดำๆ ฟ้าๆ ซับเวย์ ขาวดำ แล้วพื้นจะสีอะไรดีนะ
จากกระเบื้องสองสีนี้ จริงๆ ครั้งแรกเราเลือกสีเทาอ่อนค่ะ เพราะกลัวห้องจะดำมืดเกินไป แต่สุดท้ายพนักงานเช็คของให้ ดันบอกว่าหมด
เราเลยตัดสินใจเอาสีที่เข้มกว่ามาค่ะ โอเคแหละ ไหนๆ จะเข้มละ ก็เข้มให้ถึงที่สุด ฮ่าๆ ทั้งหมดนี้คือการตัดสินใจคนเดียว เดินคนเดียว เลือกคนเดียวค่ะ เพราะเวลาเดินกับแฟน แล้วเลือกของแพง จะชอบโดนค้าน เลยชอบมาเดินคนเดียว ให้กิเลสมันพาไป อิอิ



ท๊อปครัว เราใช้แกรนิต ...(โต้) สีดำ ลายกาแล็คซี่  เห็นครั้งแรกก็ถูกใจ ดูราคาก็โอเค ตรม.ละ 666 บาท เอาค่ะ !!
(หารูปแผ่นเต็มไปเจอเอาอันนี้ไปดูก่อนละกันนะคะ อิอิ)



ตัวเคาน์เตอร์เราใช้กระเบื้องสีขาวธรรมดาเลยค่ะ 12*12 หมดค่ากระเบื้องไป 9,XXX.- เบาเลยค่ะ เบาหวิว

กลับมาแล้วค่า  ขอโทษนะคะ พอดีไปเที่ยวปีใหม่มา  อิอิ
กลับมาต่อกันดีกว่า
ขั้นตอนต่อไป คือการปูกระเบื้อง ช่างก็เริ่มจากปู Top เลยค่ะ



เมื่อปู Top เสร็จ ก็มาปูที่ผนังต่อ ที่เราต้องการเป็นลาย Sub way ค่ะ ตอนแรกช่างก็งงๆ ค่ะ ว่าทำไมต้องตัดให้มันยุ่งยาก  ทำเหมือนอิดออด
แต่สุดท้ายก็ยอมทำค่ะ ช่างไม่มีที่ตัดกระเบื้องค่ะ โดยบอกว่าใช้ที่ตัดกระเบื้องแล้วกระเบื้องชอบแตก จึงใช้ลูกหมูตัดค่ะ  ซึ่งช่างบอกว่ามันจะไม่เท่ากัน ซึ่งเราก็ยอมมารับแต่โดยดีค่ะ



จะเห็นว่าช่องว่างมันจะไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้นะคะ



อันนี้ก็เกิดจากการใช้ลูกหมูตัดนะคะ มันจะเป็นบิ่นๆ แบบนี้



โดยรวมค่ะ



ระหว่างนั้น ช่างไฟก็เข้าพอดี
ช่างไฟมีสองคนค่ะ รวมอายุกันได้  150 ปี พอดิบพอดี

คือ เรื่องกระเบื้องบิ่นหรือช่องว่างไม่เท่ากัน เราไม่คิดมากค่ะ เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของเราเอง
แต่ว่าเรื่องกระเบื้องไม่ได้ระดับเนี่ย รับไม่ได้จริงๆ ค่ะ
จริงตอนแรกเราพยายามหยวนๆ กันไปนะคะ  เพราะว่าเกรงใจพี่ชาย แต่พอพี่ชายมาดูแล้วบอกว่าต้องแก้เลย
อย่างนี้พี่ชายรับไม่ได้เหมือนกัน พี่ชายสั่งให้แก้ใหม่หมด เราเลยบอกว่า แก้เฉพาะที่ๆ มันรับไม่ได้สุดๆ ก็พอ
เพราะว่ามันก็ล่วงเลยเวลามานานแล้ว ยิ่งถ้าแก้ก็ยิ่งต้องนานเข้าไปอีก
เขาก็แก้แต่โดยดีค่ะ  เมื่อกระเบื้อง top เสร็จ ผนังเสร็จ ก็มาต่อที่ ตัวเคาน์เตอร์ค่ะ
กระเบื้องเคาน์เตอร์ เป็นอะไรที่เราปวดหัวมากค่ะ เราต้องไปซื้อกระเบื้องเพิ่มให้ถึงสองรอบ เพราะว่าต้องแก้ค่ะ
ใช้เวลาปูแค่กระเบื้องเคาน์เตอร์ ทั้งแก้แล้วแก้อีก ประมาน 6 วันค่ะ กลัวมากว่าจะไม่ทันปีใหม่



ลุงบ. แกก็มาขอโทษค่ะ แกบอกว่า ลูกน้องที่เก่งๆ ก็ออกไปรับเหมาเองหมดละ
ก็ต้องมาฝึกคนใหม่ๆ กันต่อไป  เราก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจขนาดนั้น เราก็เข้าใจค่ะ
แต่ว่า ก็ขอให้มันอยู่ในเกณฑ์อย่างน้อยก็พอรับได้ ก็โอเคละ

อีกอย่างที่เราชื่นชมคือเขาไม่ทิ้งงานไปค่ะ เพราะตอนช่วงที่เราให้แก้ ไปแก้มานั้น
ตัวเราก็ท้อ ตัวเขาก็คงท้อเหมือนกัน ใจเขาใจเราเนาะ เราก็ขอบคุณเขาหล่ะค่ะ อย่างน้อยก็อดทนด้วยกัน
ระหว่างปูกระเบื้อง ก็เริ่มเดินระบบน้ำค่ะ



แล้วก็แยกคนหนึ่งมาทำที่วางรองเท้าบริเวณหน้าบ้านค่ะ
อันนี้เป็นแบบคร่าวๆ ที่เราวาดให้ช่าง



พอเห็นแบบนี้ เรานึกว่าจะยกพื้นค่ะ เราก็ยังไม่ได้ว่าอะไร



แต่พอแฟนส่งรูปนี้มาให้ดู รีบกระเด้งตัวจากเก้าอี้ กดโทรหาแฟนทันที ถามว่าช่างคิดจะทำอะไร
แฟนก็บอกว่า เขาถามแล้ว ถามว่าพี่คับ แล้วจะเอารองเท้าใส่เข้าไปยังไง
เออเนาะ  ช่างคิดคำถามจริงๆ พอดีลุงบ. กลับมาเห็นพอดี จึงสั่งแก้ไขทัน



คือตอนแรกช่างถามจะปูกระเบื้องไหม เพราะกระเบื้องเคาเตอร์เหลือแน่ๆ  สุดท้ายมาพอเห็นฝีมือการปู
เราเลยบอก ขอปูนขัดมันละกันค่ะ ( แถมสุดท้ายต้องไปซื้อกระเบื้องเพิ่มให้อีก3 กล่อง เพื่อมาแก้เคาน์เตอร์ )



ต่อมาระแนงค่ะ คือเราจะวางแท้งค์น้ำขนาด 500L ตรงซอกนี้ค่ะ



ส่วนช่างบางส่วนก็ยังคงแก้ กระเบื้องต่อไปค่ะ ซึ่งก็ยังคงแก้ไขด้วยช่างคนเดิม

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ Background of Babysinz ห้องชายคา http://pantip.com/topic/33040525

อัลบั้มภาพ 56 ภาพ

อัลบั้มภาพ 56 ภาพ ของ Review ต่อเติม "ครัวสีดำ" ตามใจฉัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook