“เกเร” ออฟฟิศของคนโต โต มัน มัน “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม

“เกเร” ออฟฟิศของคนโต โต มัน มัน “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม

“เกเร” ออฟฟิศของคนโต โต มัน มัน “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าลองนั่งคิดและคำนวณเวลาใน 24 ชั่วโมงตามคำชวนของ “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม ผู้บริหาร GAYRAY “เกเร” บริษัทจัดคอนเสิร์ตในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ฯ ว่า วันๆ นึงเราใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศอย่างน้อยวันละ 8 ชม. หรือประมาณ 1 ใน 3 ของวัน และถ้าคิดลึกไปกว่านั้นเราจะต้องหักนิ้วนับเวลาเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานรวมๆ แล้วก็อีกวันละ 5-6 ชม.เพื่อกลับไปนอนอยู่บนเตียงที่บ้านอีก 5-6 ชั่วโมง (แบบที่หลับแล้วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน)

ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม

สรุปแล้วเวลาที่เราตื่นและรู้สึกตัวจริงๆ จึงเป็นเวลาที่เราอยู่ “ออฟฟิศ” มากกว่าอยู่ “บ้าน” และนั่นจึงเป็นเหตุให้ผู้บริหารพันธุ์โตพันธุ์มันคนนี้ตั้งใจออกแบบ “เกเร” บริษัทเล็กๆ บนพื้นที่ 144 ตารางเมตรให้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการสร้างสรรค์มากกว่าทำให้คนทำงานรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในโรงงานนรก

ออฟฟิศสไตล์ “ร้านกาแฟ”
เหตุผลหนึ่งที่หลายคนเลือก “ร้านกาแฟ” เป็นที่นั่งทำงานแทนการนั่งในร้านอาหารเป็นเพราะบรรยากาศร้าน กลิ่นหอม และผู้คน ที่ชักชวนให้เราอยากนั่งแช่ เผลอๆ กลับช่วยเปิดสมองให้เกิดไอเดียในการทำงานได้มากมาย และ “ป๋าเต็ด” ก็คิดแบบนั้น

“ผมเป็นคนชอบกินกาแฟ ลูกน้องจะรู้ว่าออฟฟิศหรือที่นั่งประจำของผมคือร้านกาแฟ ผมจะมีโต๊ะประจำ นั่งทุกวัน จนลูกน้องรู้กันว่าถ้าจะหาตัวพี่เต็ดให้ไปหาที่ร้านกาแฟได้เลย ผมรู้สึกว่างานที่เราทำเรื่องบรรยากาศเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆ พอมีโอกาสตกแต่งออฟฟิศใหม่ เลยขอเจ้านายว่าขอออกแบบออฟฟิศเองโดยให้มันอยู่ในงบประมาณปกติ”

เกเรจึงถูกออกแบบให้มีลักษณะใกล้เคียงกับความเป็นร้านกาแฟมากที่สุดด้วยการเลือกใช้สีดำเป็นสีหลักผสานกับสีไม้ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจเพื่อให้เป็นร้านกาแฟที่ร่วมสมัย ดูสบายๆ คล้ายเป็นห้องนั่งเล่นภายในบ้านของตัวเอง นั่นยังรวมไปถึงใช้หลักการออกแบบแสง การวางตำแหน่งโคมไฟให้เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟตามต้องการ

พื้นที่ส่วนตัวด้านหลังโต๊ะทำงานพนักงาน

ออกแบบตอบรับการใช้งาน และคาแรคเตอร์พนักงาน
การย้ายออฟฟิศจากที่เดิม และมีโอกาสได้ตกแต่งออฟฟิศใหม่ทำให้เกิดแนวความคิดการออกแบบพื้นที่เพื่อตอบสนองกิจกรรมหลัก รวมไปถึงสะท้อนคาแรคเตอร์ของพนักงานทุกคน นอกจากออฟฟิศจะมีกลิ่นอายความเป็นร้านกาแฟอย่างชัดเจนแล้ว ภายในพื้นที่กะทัดรัดแห่งนี้ยังสะท้อนความเป็นตัวตนของพนักงานทุกคนอย่างชัดเจน

“เราคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราอยากได้พื้นที่ๆ ชัดเจนตามกิจกรรมหลักของคนทำงาน เพราะส่วนหนึ่งจะปักหลักอยู่ที่ออฟฟิศ ส่วนที่สองคือการประชุม สามคือเราเป็นมนุษย์ที่ชอบหอบหิ้วหรือสั่งอะไรมากินกันตลอดเวลา อีกอย่างออฟฟิศเก่าเราไม่มีพื้นที่รับแขก และรกมาก เราต้องการห้องเก็บของ เราจึงเอาโจทย์ทั้งหมดนี้มาตั้งเป็นฟังก์ชั่นก่อน แล้วก็ดูแปลน”

พื้นที่ทั้งหมดจึงถูกแบ่งเป็นห้องประชุมซึ่งเป็นห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด โต๊ะในห้องประชุมออกแบบให้สามารถเสียบอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลายเพื่อความสะดวกสบายในการทำงาน นอกจากนั้นยังมีห้องทานข้าวที่ภายในมีจาน ชาม ตู้เย็น โต๊ะนั่งรับประทานอาหารและม่านปิดป้องกันกลิ่นรบกวน รวมไปถึงยังมีมุมรับแขก ส่วนพื้นที่ๆ เหลือเป็นพื้นที่ทำงานของพนักงาน และเด็กฝึกงานที่สามารถออกแบบตกแต่งพื้นที่ของตัวเองได้เต็มที่

“เป็นการแก้ปัญหาจากออฟฟิศเดิมที่ค่อนข้างเละเทะ เพราะต่างคนต่างมีศิลปินคนโปรด หรือบางคนเอางานมาแปะ เราเลยเอาบอร์ดไม้ก๊อกติดไว้เพื่อให้ทุกคนแปะอะไรตามใจชอบ ผมว่ามันบอกนิสัยของแต่ละคน ผมเชื่อว่างานด้านความคิด คาแรคเตอร์ของแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญ เขาควรได้อิสระในการสร้างสรรค์พื้นที่ของเขาเพื่อให้เขาได้แสดงความเป็นตัวเองออกมา อย่างห้องป่านผู้ช่วยผม ห้องเขามีกลิ่นเหมือนสปา หรือพื้นที่ของคุณสงวนผู้ช่วยฝ่ายโปรดักชั่นจะเต็มไปด้วยของเล่น ส่วนหลังโต๊ะคุณตูนผู้ดูแลด้านครีเอทีฟ ก็จะเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ เพราะเธอเหมือนเป็นบาร์ประจำออฟฟิศ”

การตกแต่งภายในห้องทำงาน "ป๋าเต็ด"

ยกห้องทำงานที่บ้านมาไว้ “ออฟฟิศ”
นอกจากพื้นที่รอบๆ โต๊ะทำงานของพนักงานทุกคนจะสะท้อนคาแรคเตอร์ และความชื่นชอบของแต่ละคนแล้ว แม้แต่ห้องทำงานส่วนตัวของ “ป๋าเต็ด” เองก็ยังบ่งบอกถึงสิ่งที่โปรดปรานและอินสุดๆ ซึ่งถูกสร้างสรรค์ให้มีบรรยากาศใกล้เคียงกับห้องทำงานที่บ้าน

“มันเป็นการแก้ปัญหาหลังจากตอนแรกห้องนี้ถูกออกแบบให้เป็นห้องประชุม แต่พอไปให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยเขาบอกว่าห้องๆ นี้ควรเป็นห้องทำงานของผมมากกว่าฝั่งโน้น อาจารย์บอกให้แก้ตอนแรกจะไม่แก้ อาจารย์ก็บอกว่ามันจะวิบัติ เราก็เลยแก้”

“เดิมตรงนี้เป็นห้องประชุมมันจึงเป็นรูปทรงยาวๆ ผมเลยไม่สามารถวางโต๊ะทำงานใหญ่ๆ ได้แบบปกติเหมือนผู้บริหาร ก็เลยออกแบบให้เข้ากับงานที่ผมทำเพราะงานส่วนใหญ่ของผมคือการพูดคุย ประชุมวงเล็ก ให้สัมภาษณ์ ห้องทำงานของผมเลยถูกปรับเป็นห้องรับแขกไปเลย มีโต๊ะสำหรับนั่งเซ็นเอกสาร พื้นที่ด้านหลังเป็นที่เก็บหนังสือ วางเครื่องเสียง”

ทางเดินก่อนเข้าสู่ "เกเร"

เมื่อเดินเข้าไปใน “เกเร” คุณจะรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในร้านกาแฟเท่ๆ ที่ย้อมห้องด้วยแสงไฟแบบไม่สว่างมากนัก ต่างแต่เพียงไม่ได้อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟเท่านั้น หากแต่บุคลิกความสนุกสนานนอกกรอบของพนักงานเกเรกลับเป็นสีสันที่เพิ่มเข้ามาแต่งแต้มออฟฟิศ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศของความคิดสร้างสรรค์





อัลบั้มภาพ 71 ภาพ

อัลบั้มภาพ 71 ภาพ ของ “เกเร” ออฟฟิศของคนโต โต มัน มัน “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook