ต่างสไตล์ต่างยุคต่างสมัยใต้หลังคาเดียวกัน รีวิวแต่งบ้านเดี่ยวสไตล์ Eclectic

ต่างสไตล์ต่างยุคต่างสมัยใต้หลังคาเดียวกัน รีวิวแต่งบ้านเดี่ยวสไตล์ Eclectic

ต่างสไตล์ต่างยุคต่างสมัยใต้หลังคาเดียวกัน รีวิวแต่งบ้านเดี่ยวสไตล์ Eclectic
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การตกแต่งบ้านหลังนี้ถือเป็นหนึ่งในบ้านหลายๆ หลังจากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอมที่ตกแต่งบ้านออกมาได้สวยถูกใจผู้อ่าน Sanook! Home เลยขออนุญาตคุณ Teerannosaurus เจ้าของกระทู้นำไอเดียและภาพประกอบการออกแบบตกแต่งบ้านในสไตล์ Eclectic หรือการตกแต่งบ้านโดยการผสมผสานความหลากหลายของสิ่งของและรูปแบบการตกแต่งบ้านที่รวมสไตล์แต่ละอย่างเข้ามาไว้ด้วยกัน มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

สวัสดีครับ วันนี้เจ้าของกระทู้อยากจะเขียนรีวิวแนวคิดการแต่งบ้านแบบผสมผสาน ตะวันตกผสมตะวันออก ของเก่าผสมของใหม่ คลาสสิกผสมวินเทจ เพราะเจ้าของกระทู้มีความชอบหลากหลาย โน่นก็ชอบ นี่ก็สวย ของสะสมเก่าๆ ก็มี แฟนก็มีโจทย์เพิ่มให้อีก ผมเอาโจทย์ทุกอย่างมายัดเข้าไปในบ้านเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ออกมาโอเคเลย ภูมิใจเลยล่ะ ผมเลยอยากแชร์ผลลัพธ์และกระบวนการคิด เผื่อใครชอบแนวๆ เดียวกันได้หยิบจับไปใช้กันบ้างนะครับ

สู่ขอ

เมื่อปลายปีที่แล้ว เจ้าของกระทู้ได้ซื้อบ้านที่เชียงใหม่ไว้หลังหนึ่ง เราเลือกซื้อบ้านเดี่ยวจัดสรรเพราะเราสองคนอยู่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ช่วงที่ไม่ได้ขึ้นไปเชียงใหม่ จะได้ฝากส่วนกลางดูแลอะไรต่อมิอะไรได้ จริงๆ เราคุยกันมาก่อนหน้านี้ว่า อีกหน่อยเราจะเลิกจากงานประจำแล้วย้ายไปอยู่เชียงใหม่กัน ว่าแล้ว ผมก็ส่งแฟนขึ้นไปดูลาดเลาก่อน ผมหาหมู่บ้านที่น่าสนใจจากใน internet แล้วส่งลิสต์ให้แฟนลองไปดูช่วงที่เค้าขึ้นไปทำงานทีเชียงใหม่ เราคุยกันว่าเราไม่รีบ ดูๆ ไปก่อน เจอถูกใจก็ค่อยซื้อ พอแฟนกลับมาพร้อมโบรชัวร์ของหมู่บ้าน

แฟนบอกว่า “ไปดูที่นี่มา สวยมากๆ เลย เค้าว่าตัวเองต้องชอบ”

ผมดูหน้าตาโบรชัวร์แล้วยังคิดอยู่ว่า ไม่เหมือนที่ส่งลิสต์ไปให้นี่หว่า เลยถามว่า “แล้วทีอื่นๆที่ให้ไปล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

แฟนตอบว่า “เปล่า ไม่ได้ไป เค้าว่าที่นี่น่ะดีแล้ว แต่ต้องรีบจองนะ เพราะโปรโมชั่นเค้าอีกแค่ 2 อาทิตย์”

แฟนจับมัดเสียขนาดนี้ จะทำไงได้ ผมโอนเงินจองไปเลยครับทั้งที่เห็นแต่โบรชัวร์กับแปลนบ้าน ธนาคารทำเรื่องประเมินกับกู้เสร็จในสองอาทิตย์ ส่วนบ้านจริงๆ ก็ไปเห็นกันวันโอนนั่นแหละ จบกระบวนการซื้อบ้านทั้งหมดภายใน 14 วัน

แรกพบ


เจ้าของกระทู้ลางานวันศุกร์ นัดโอนตอนบ่ายวันศุกร์นั้นเลย ช่วงเช้าลงเครื่องเราแวะดูบ้านก่อน บ้านก็ดูอบอุ่นสวยงามทีเดียวแหละ แค่หน้าตาภายนอกธรรมดาไปหน่อยในสายตาจขกท แต่ข้อดีของที่นี่คือวัสดุอุปกรณ์และงานช่างต่างๆ ถือว่าดีเลย และแปลนฟังก์ชั่นต่างๆ ตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ เราไม่ต้องทำอะไรเพิ่มมาก


โครงการแถม built-in pantry มาอยู่แล้ว พอเห็น island ตรงกลางเท่านั้นแหละ รู้เลยว่าทำไมแฟนถึงได้ชอบมาก แฟนชอบครัวสวยๆ เจอแบบนี้เข้าคงกรี๊ดเลย ภาพนี้เป็นภาพโปรโมทจากโครงการ ผมไม่ได้ถ่ายรูปส่วนนี้ไว้ ครัวจริงที่แถมมาให้ก็ตามนี้ครับ แต่ไม่มีครัวไทยนะครับ ผมว่าจะย้ายมาเชียงใหม่จริงๆ เมื่อไหร่ ค่อยมาต่อเติมทีหลัง

(credit: ภาพถ่ายบ้านตัวอย่างจากโครงการ ขออนุญาตสงวนชื่อโครงการไว้นะครับ)

ภายในบ้านแบบเดิมๆ คล้ายกับหมู่บ้านอื่นๆ ทั่วๆไป มุมนี้เข้าประตูมาเป็นส่วนรับแขก ซึ่งเป็นมุกแคบๆ กว้างประมาณด้านละ 3.60 เมตร ฝ้าเพดาน drop หลุมฝ้าไว้ให้แล้ว ผมเริ่มคิดในใจว่ามุมนี้จะวางโซฟารูปตัว L เพราะทั้งผมและแฟนชอบนอนดูทีวีกันทั้งคู่ ถ้าตามแบบบ้านตัวอย่างจะเป็นโซฟายาวตัวเดียว กับ armchair อีกข้างละตัว

ส่วนรับประทานอาหาร คิดตั้งแต่เห็นแปลนเลยว่าจะ built-in ม้านั่งยาวด้านนึง เพื่อวางโต๊ะกินข้าว เราอยากใช้โซนนี้ทำงาน เสียบปลั๊กเล่นแล็บท๊อปได้ด้วย เลยอยากให้ดู informal นิดนึง

มีมุมลึกเข้าไปแปลกๆ แบบนี้ ตอนแรกว่าจะ built บานเลื่อนปิดส่วนนี้ไป ใช้เป็นส่วนเก็บของ

ชั้นสองเป็นโถงใหญ่ก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอนทั้งสามห้อง  ห้องนี้มีสัดส่วนแปลกๆ ผมเลยคิดว่าจะกั้นผนังกันเป็นส่วนของห้องพระ

ห้องนอนใหญ่มีหน้าต่างค่อนข้างเยอะ และมีมุมแปลกๆ อีก ยังนึกไม่ออกว่าจะจัดยังไง

ส่วนนี้เป็นโถงบันได เหมือนๆ บ้านจัดสรรทั่วไป

เจ้าสาวในอุดมคติ

ผมชอบของเก่าแนวแอนธีค เพราะแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชอบภาพเขียนที่สะสมมาตั้งแต่บ้านหลังแรก (หลังนี้เป็นหลังที่สามแล้ว ที่อยู่ด้วยกันกับแฟน) ชอบวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดแต่งเยอะ เฟอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่เลยเป็นแบบลอยตัว ซื้อเป็นชิ้นๆ ผมไม่ค่อยเลือกพวกที่จัดมาเป็น set หรือพวกวัสดุปิดผิว ส่วนแฟนผมเป็นพวกมนุษย์เห็นผี แฟนรู้ว่าผมชอบของเก่า แต่ขอว่าอย่าให้ดูขลังก็พอ เดี๋ยวจะไม่กล้าอยู่ ผมเลยเลือกแต่งแบบผสมของใหม่กับแอนธีค โดยอยากให้ภาพรวมเหมือนบ้านแบบฝรั่ง

การตกแต่งแบบนี้ เรียกว่า Eclectic Style คือ การตกแต่งแบบผสมผสาน โดยการมิกซ์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งหลายรูปแบบต่างยุค ต่างสมัย ต่างสไตล์ ให้เข้ากันโดยการจัดองก์ประกอบ หรือการใช้สีสันที่ไปด้วยกัน การตกแต่งแบบนี้จะใกล้เคียงกับสไตล์ Maximalism ซึ่งทั้งสองสไตล์ยืนอยู่บนแนวความคิด More is more ถ้าลองเสิรช Google คำว่า Eclectic Style ดู ภาพที่เห็นจะเป็นประมาณนี้ครับ

(credit: ภาพถ่ายจาก Google Search)

คอร์สเจ้าสาว

ความลำบากของการแต่งบ้านนี้คือ ตัวบ้านอยู่เชียงใหม่ เราไม่รู้จักผู้รับเหมาหรือใครที่เชียงใหม่เลย เลยอาศัยโครงการช่วยเหลือหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ built-in ทาสี หาช่างมาติดผ้าม่าน มุ้งลวด ติดแอร์ ช่วยรับของเก็บของ ซึ่งต้องบอกว่าโครงการช่วยเหลืออย่างดีครับ ตลอดหลายเดือนที่แต่งบ้านจนจบงาน พอมีงานที่บกพร่องแก้ไข ก็รีบแก้ไขให้ ไม่มีบิดพริ้ว เรื่องความรับผิดชอบ ผมให้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็มนะกับโครงการนี้

ผมส่องแนวทางแต่งบ้านจาก Pinterest เป็นหลัก สังเกตว่าบ้านฝรั่งจะมีรายละเอียด เช่นบัวพื้น เพดาน คิ้วประตูหน้าต่าง ที่สวยมาก ทำให้ภาพรวมดูเนี้ยบขึ้น ผมเลยติดบัวเพดานและคิ้วประตูเพิ่ม ช่างที่ใช้ก็เป็นช่างชุดที่ทำบ้านตัวอย่างให้โครงการ ซึ่งเค้าก็รับงานอยู่ในโครงการนั่นแหละ แต่ข้อจำกัดคือ เค้าปรับเปลี่ยนแบบให้ตรงกับการใช้งานที่เราต้องการ แต่รูปแบบเช่นลายลูกฟักของหน้าบานตู้ หรือสี จะจำกัดเฉพาะที่มีอยู่ในบ้านตัวอย่าง ซึ่งมีอยู่ไม่กี่แบบหรอก ดังนั้นส่วนของบัวและกรอบประตู มีแค่แบบเดียว ไม่มีให้เลือกครับ และสีขาวเท่านั้น ไม่มีสีอื่น ภาพพวกนี้ขอให้ช่างถ่ายส่งมาให้ทางมือถือเพื่อตรวจดูงาน อาจไม่ค่อยสวยนะครับ

ส่วน built in ผมเลือก built เฉพาะตู้เสื้อผ้าห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก 1 ห้อง และใต้ Sink ห้องน้ำทั้ง 4 ห้อง ตู้เสื้อผ้าห้องนอนใหญ่ ทำรูปตัว L

ผมไม่ได้มีรูปหน้าบานนะครับ แปะรูปบ้านตัวอย่างให้ดู เพราะลายลูกฟักเดียวกัน (ห้ามเลือกจ้ะ) เลือกได้แค่ติดกระจกหรือไม่ติด และต้องสีขาวเท่านั้น ผมเลือกไม่ติดกระจกเพราะอยากให้เรียบๆ ไม่ฉูดฉาด

(credit: ภาพถ่ายบ้านตัวอย่างจากโครงการ ขออนุญาตสงวนชื่อโครงการไว้นะครับ)

หัวเตียงตอนแรกจะไม่ทำ built in ผนังหัวเตียง แต่ช่างแนะนำว่าทำไว้จะสวยกว่า ไม่งั้นหัวเตียงจะลอยไม่ติดกับผนังหัวเตียงถ้าไม่ทำ built in ผนัง เพราะหัวเตียงจะไปชนกับผ้าม่าน (ฟังดูงงมั้ย)

ชั้นสองทำผนังกั้นเป็นห้องพระ ผมเลือกทำเป็นลายทางยาวๆ เหมือนผนังหัวเตียง  ทำซุ้มประตูแบบเปิดโล่งไว้ เพื่อให้ต่อเนื่องกับส่วนนั่งเล่น จะได้ไม่อึดอัด

หลังจากจบงาน built ก็เป็นงานของช่างสี โครงการแถม wallpaper ให้ทั้งหลัง ผมขอเปลี่ยนเป็นทาสี โดยผมเป็นคนหาสีมาเอง ผมสั่งซื้อสีให้มาส่งที่โครงการ ผมสั่งช่างไว้ว่า พอเริ่มทารอบแรก ให้ถ่ายรูปส่งให้ผมดูก่อนทาสีทั้งหมด เพราะไม่มั่นใจว่าสีที่ดูในร้านจะเหมือนที่ทาจริงบนผนังหรือเปล่า

ผมเลือกสีเทาอมฟ้า ที่ผมเรียกว่าเทานกพิราบเป็นสีโถงกลางทั้งหมดของบ้าน ยกเว้นห้องนอน เพราะดูเป็นแนวฝรั่งดี บ้านเอเชียมักจะเน้นสีโทนอุ่นมากกว่า ภาพแรกที่ช่างส่งมาให้เป็นแบบนี้ครับ

เห็นภาพนี้เข้า ผมนั่งประชุมอยู่ แทบไม่เป็นอันทำงานเลย “เฮ้ย นี่กรูเลือกสีพลาดขนาดนี้เลยหรือวะ” ทำไมสีเทานกพิราบดูคูลๆ ถึงได้กลายเป็นสีเบบี้บลู อย่างกับ nursery ไปได้ รูปถูกส่งมาให้วันพฤหัส ผมจองตั๋วบินไปดูเลยวันศุกร์เย็น

ใจชื้นขึ้นนิดนึง... สีที่เห็นจริงก็ดูฟ้ากว่าที่คิดไว้ แต่ดูไม่ฟ้าใสเหมือนภาพที่ช่างส่งมาให้ ผมคิดว่าจะแก้ดีหรือเปล่า ในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บไว้ตามนั้น คิดว่าพอเอาเฟอร์และม่านลงไป น่าจะยังพอเอาอยู่

ส่วนห้องนอนใหญ่เลือกสีน้ำเงินเข้ม ช่างโทรมาถามตั้งแต่ก่อนหน้าว่า ถูกสีหรือเปล่า ผมยืนยันว่าห้องนอนผมเป็นสีนี้แหละ ห้องนี้สีใสกว่าที่คิดไว้นิดนึง แต่โดยรวมยังโอเคอยู่ ผมขอให้ทาเพิ่มเป็นสามรอบ ให้สีดูอิ่มขึ้น

ห้องนอนเล็กทั้งสองห้อง ผมยังไม่รู้ว่าจะแต่งยังไง เลยใช้สีกลางๆ เอาไว้ก่อน เลือกใช้สีเทากลางๆ วันหลังจะวางเฟอร์สีอะไรลงไปก็ได้ เข้าได้ทุกสี

Chandelier ที่ซื้อไว้ ให้เอาเข้ามาช่วงนี้ เพราะต้องเจาะเพดาน จะได้เก็บสีทั้งหมดทีเดียว โครงการเดินไฟเผื่อไว้ให้อยู่แล้ว ผมแค่ให้เจาะเพดาน ดึงสายออกมาอย่างเดียว ไม่ต้องเดินไฟใหม่

ปิดท้ายสุดด้วยงานม่าน ที่สั่งผลิตเอาไว้นานแล้ว รองานสีเสร็จก็เอาเข้าติดเลย ส่วนใหญ่ผมใช้มู่ลี่ไม้เกือบทั้งหมดของบ้าน ยกเว้นห้องนอนที่ใช้ม่านสองชั้น แฟนผมชอบมู่ลี่ไม้มาก ย้ายบ้านมากี่หลัง ต้องขอมู่ลี่ไม้ตลอด ส่วนตัวผมว่ามู่ลี่ไม้ติดฝุ่นง่ายไปหน่อย

เหมือนเช่นเคย พอติดตั้งเสร็จ ช่างผ้าม่านถ่ายรูปส่งงานให้ผมทางไลน์ ตอนเห็นภาพทั้งหมดทางไลน์ บอกตรงๆ ใจไม่ดีเลย รู้สึกไม่แน่ใจว่าแต่งออกมาเสร็จจะได้ดังใจหรือเปล่า โถงชั้นล่าง ผมเลือกมู่ลี่ไม้บาสวูดสีโอ๊ค ดูแบบนี้แล้วสีมันโดดๆ แต่คิดว่าเอาเฟอร์ลงน่าจะโอเคอยู่

ประตูกระจกหน้าบ้านและโถงบันได ผมใช้ม่านโปร่งสีขาวเดินเส้นบางๆ ด้วยสีเทา คิดเอาว่าถ้าเป็นผืนใหญ่น่าจะได้ effect เป็นเหลื่อมเทาๆ เข้ากับสีผนังบ้าน แต่ทำไมสีจากรูปที่ส่งมาให้ดูแปลกๆ

โถงชั้นสองและห้องนอนเล็กทั้งหมดใช้มู่ลี่ไม้สีขาว ส่วนนี้จากรูปดูดีอยู่ สีขาวมั่นใจได้เสมอว่าไม่ผิด

ห้องนอนใหญ่นี่แหละ ที่เห็นภาพแล้วปวดใจที่สุด ทำไมม่านมันถึงได้เงาแว้บเป็นผ้าคลุมรถขนาดนั้น แต่คราวนี้ผมทำใจสงบนิ่ง คิดว่าผิดที่รูปถ่าย ที่เลือกไว้ต้องไม่ผิด จริงๆ ผมเลือกผ้าสักหลาดสีเทาอมครีม มีเหลือบเงานิดๆ เพิ่มความหรูหรา

เจ้าสาวที่ผมภูมิใจ


ผมขึ้นเชียงใหม่เป็นรอบที่ 3 คือตอนเอาเฟอร์เข้าเลยทีเดียว ผมเอาเฟอร์เข้าสองครั้ง ครั้งแรกเอาชิ้นใหญ่ หลักๆ เข้า ดูว่าขาดเหลืออะไร ครั้งที่สอง (หรือเชียงใหม่รอบที่ 4) เอาตัวเล็กๆ ที่เพิ่มเติมส่วนที่ขาด กับพวกรูปภาพของจากบ้านที่สะสมไว้มาเติม ลงเฟอร์ครั้งแรกพอเห็นลางๆแล้ว ว่าหน้าตาเป็นยังไง


ตัดเข้าสู่บ้านที่แต่งเรียบร้อยเลยละกันครับ . . . . บอกก่อนว่าภาพ after ถูกปรับแต่งตามสมควรเพื่ออรรถรสในการชมนะครับ หลักๆ ก็ปรับ contrast, sharpness และแก้ไข lens distortion ปรับความเอียงเป็นต้น

แต่น . . แตน . . แต๊นนนน . . .

ห้องรับแขก

ชั้นล่างทั้งหมดผมคุมโทนอยู่ในสีขาว สีครีม เพื่อให้สีเข้ากับ pantry ที่เป็น built in สีขาว ผ้าม่านโปร่งที่เห็นด้านขวาของภาพ เป็นประตูออกสู่หน้าบ้าน

โซนรับแขกเดิมอยากได้โซฟารูปตัว L แต่หาถูกใจไม่ได้ เลยจัดเป็นโซฟา 3 ที่นั่งวางสองตัวแทน มุมอีกด้านวางเก้าอี้แอนธีคตัวเล็ก เพื่อให้ดูสมดุล ม่านหรือมู่ลี่เต็มผนังแบบนี้ ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และเป็นสัดส่วนขึ้น ถ้างบถึงควรจัดม่านให้เต็มมากกว่าตัดเป็นท่อนหรือลอยๆ จากพื้นนะครับ

ตัดขอบแก้เลี่ยนของสีขาวด้วยสีโอ๊คในมู่ลี่ไม้และโต๊ะ  โต๊ะข้างเป็นแอนธีคสไตล์จีน เข้ากับรูปภาพสไตล์จีน  ภาพจีนภาพนี้เป็นภาพที่เคยแขวนในห้องทำงานของพ่อ ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดรูปนี้ส่งครูวิชาศิลปะด้วย ถือเป็นของมีค่าทางจิตใจชิ้นหนึ่ง ส่วนโคมไฟระย้าได้มาจากจตุจักร แต่บังเอิญว่ามีหน้าร้านอยู่เชียงใหม่นี่เอง  เป็นโครงเหล็ก ทำสีแบบแอนธีค เข้ากับธีมของบ้านได้ดีเลย

เติม accent สีทองด้วยโคมไฟ และของประดับ ทำให้ห้องดูหรูหราขึ้น  หมอนอิงมากับโซฟาอยู่แล้ว ผมเพิ่มเข้าไปอีก 4 ใบ หุ้มด้วยปลอกหมอน Jim Thomson สีเทาฟ้าเดินเส้นทอง ช่วยให้ภาพรวมทั้งหมดดูเข้ากัน

ห้องอาหาร

ส่วนนี้ต่อเนื่องมาจากห้องรับแขก ใช้โทนสีเดียวกันคือขาวครีม ตัดกับไม้สีโอ๊ค built in ม้านั่งไว้ด้านนึงให้ดูไม่เป็นทางการมาก เหมาะกับนั่งกินข้าวก็ได้ นั่งเล่นหรือทำงานไปด้วยก็ได้ ผมเดินไฟเพิ่มไว้ริมผนังทั้งสองฝั่ง เอาหมอนบังไว้ เพื่อเสียบโน๊ตบุ๊คเวลาต้องการทำงาน

ผมเจอโต๊ะทานข้าวตัวนี้เป็นตัวแรกแล้วปิ๊งเลย เข้ากับ concept ที่คิดไว้ที่สุด โต๊ะไม้กลึงสีขาวทำสีแบบแอนธิค top หุ้มด้วยวัสดุเหมือนสังกะสี แอบดูดิบนิดๆ ผมเจอโต๊ะทานข้าวที่ SB เลยชะล่าใจคิดว่าซื้อทีหลังก็ได้ เพราะน่าจะมีหลายตัว ผมไปซื้อเอาตอนบ้านแต่งใกล้ๆ เสร็จ ปรากฏว่าหมดเกลี้ยงทุกสาขา ที่ผมได้มาเป็นตัวโชว์ตัวสุดท้ายแล้วมั้ง สั่งมาได้จากสาขาบางนา

เลือกเก้าอี้หวายสีเข้ม เข้ากับสีมู่ลี่ไม้ และสไตล์ดูหวานๆให้เข้ากับ chandelier ลายดอกกุหลาบ และทำให้ภาพรวมมีกลิ่นอายดิบๆหน่อย ตกแต่งด้วยหมอนอิงขาวดำลายกราฟฟิกช่วยลดทอนความหวาน และให้ดูร่วมสมัยขึ้น

มุมเล็กๆแคบๆ ที่เดิมคิดว่าจะกั้นเป็นห้องเก็บของเล็กๆ ผมเปลี่ยนใจว่าจะทำให้บ้านดูคับแคบไปหน่อย เลยตั้งใจจะหาตู้หรือโต๊ะวาง คิดเอาไว้ว่าควรเป็นแบบตัวเดียวจบ และมีความเด่น เพื่อไม่ให้มุมนี้กลายเป็นมุมเฉาๆ  ผมเลยไปได้ตู้แอนธีคอินเดียมาเป็นนางเอกของบ้าน (ส่วนชิ้นที่ผมยกให้เป็นพระเอก อยู่ในห้องนอนครับ)

ตุ๊กตาจีนที่มุมห้องนี่ต้องแอบแฟนซื้อ เพราะไม่ได้รับอนุมัติแน่นอน ตอนถูกส่งมาบ้านถูกห่อมาแบบมัมมี่ แฟนถามเป็นอย่างแรกเลยว่านั่นอะไร จริงๆ ผมอยากได้แบบเท่าคนจริงนะ แต่เกรงใจแฟน เลยเอาตัวเล็กพอ

ขึ้นไปดูชั้นสองกันต่อครับ

โถงบันได

แฟนสั่งห้ามแต่แรกเลยว่าไม่ต้องซื้อภาพเพิ่มแล้ว ภาพเขียนที่สะสมไว้ส่วนใหญ่เป็นงานพุทธศิลป์ นอกจากกระจายอยู่ทั่วบ้านแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาเรียงอยู่โถงบันไดเป็น gallery ภาพเขียน

console ที่โถงบันไดตอนแรกจะไว้ที่ pantry แต่พอเอาเข้าบ้านแล้วคิดว่าวางตรงนี้น่าจะลงตัวกว่า ม่านตรงโถงบันไดเป็นม่านโปร่งแบบเดียวกับทางเข้าหน้าบ้าน ส่วน chandelier เป็นไม้มะม่วงแกะทั้งชิ้น งานไทย ดูหรูดิบๆ

แฟนบอกว่าด้านใต้ console ดูโล่งไปหน่อย ช่วงบ่ายๆวันนั้นเลยไปได้แม่เสือดาวจากบ้านถวายมาวางด้านล่าง แม่เสือดาวทำจากเรซิ่นทำสีทอง งานดี เหมือนงานทองเหลืองมาก ทำให้มุมนี้ดูหวานซ่อนเปรี้ยวขึ้น  ส่วนแจกันดัดแปลงมาจากเชิงเทียน แจกันสวยๆ แพงไป เลยเอาเชิงเทียนมาใช้แทน ดูฟรุ้งฟริ้งดี

ห้องนั่งเล่น

ขึ้นจากบันไดมาเจอโถงก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอนทั้ง 3 ห้อง วางชั้นหนังสือแอนธีคอินเดียไว้หน้าห้อง เนื่องจากชั้นวางเป็นกระจก วางหนังสือหนักๆมันจะแอ่น ผมเลยวางของตกแต่งเล็กๆ มากกว่า ทิ้งชั้นไว้โล่งๆ ไปก่อน ค่อยๆ สะสม

กลางโถงทางสัญจรวางโต๊ะเล่นไพ่สไตล์วิคตอเรียน เป็นเหมือนวงเวียน โต๊ะนี้พิเศษตรงกางออกมาได้เป็นโต๊ะปูผ้าสักหลาดสำหรับเล่นไพ่

ส่วนนั่งเล่นของห้อง ตั้งใจให้ดูสนุกกว่าห้องรับแขกที่ชั้นล่าง เลยเลือกใช้สีสันที่หลากหลายกว่าและสนุกกว่า

ใช้เฟอร์หลายๆ รูปแบบมาวางปนๆกัน ตั้งแต่โซฟาสียีนส์ดูทันสมัย เก้าอี้แอนธีค lougue chair แนวคลาสสิก และตู้จีนแอนธีคสีเขียวไข่กา พรมช่วยให้ของตกแต่งที่ดูกระจัดกระจายหลายรูปแบบเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

แต้มด้วยสีแดงของรูปภาพพุทธศิลป์แนวโมเดิร์น ให้ดูสนุกขึ้น

ผมวางหมอนหลายๆ แบบ คุมโทนไม่ให้โดดเด่นไป สีของหมอนที่มีสีขาว แดง เหลืองและเทา ช่วยรวมภาพรวมของห้องเข้าด้วยกัน

ห้องนอนใหญ่

ห้องนอนย่อมมีเตียงเป็นพระเอก เดิมผมอยากได้เตียงสี่เสา แต่หาที่ถูกใจไม่ได้ ส่วนแฟนบอกกว่า ของในบ้านยังไงก็ได้ แต่เตียงห้ามเป็นของเก่า สุดท้ายไปได้เตียงทำเลียนรูปแบบเตียงโบราณ ทำจากไม้โอ๊ค ผมยกให้เป็นพระเอกของบ้าน เนื่องจากเตียงเด่นมากแล้ว และหัวเตียงค่อนข้างแคบ ผมไม่วางโต๊ะข้างเตียง แต่หาโคมไฟแนวเรียบๆ ไม่ขโมยซีน มาเจอโคมไฟทรงดอกบัวจากบุญถาวร โคมไฟตั้งโต๊ะและโคมไฟพื้นเกือบทั้งหมดในบ้านมาจากบุญถาวรเชียงใหม่ครับ ราคาและรูปแบบโอเคเลยนะ

ม่านผ้าสักหลาดเหลือบเงานิดๆ ของจริงสวยถูกใจกว่าภาพถ่ายที่ร้านผ้าม่านส่งมาให้มาก ม่านสองชั้นเต็มผนังทำให้ห้องดูดีมีคลาสมาก  สีน้ำเงินเข้มของผนังทำให้ห้องดูมีมิติ โดยรวมๆผมชอบโทนสีโดยรวมของห้องนอนมาก เตียงนี่นอนสูบวิญญาณมาก ไม่อยากลุกเลยทีเดียว

ปลายเตียงอีกด้านวาง console จีนขนาด 3 เมตร เว้นผนังไว้ติดทีวี  ถึงวันที่โพสต์กระทู้นี้ มีทีวีติดผนังแล้วครับ

ห้องน้ำในบ้านนี้ทั้ง 4 ห้องผมไม่ได้ทำอะไรมาก เพราะกระเบื้องที่โครงการให้มาก็สวยงามใช้ได้อยู่แล้ว รูปแบบจะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมด ต่างกันแค่ขนาดห้อง ผมทำ built in ใต้อ่างล้างหน้าทุกห้อง
ห้องน้ำห้องนอนใหญ่ มีหน้าต่างขนาดใหญ่บริเวณจากุชชี่ ผมติดมู่ลี่อลูมิเนียมดำด้าน ให้เข้ากับ top หินแกรนิต ส่วนกระจกเงา โครงการให้มาเป็นกระจกเปลือยๆ ผมไปสั่งร้านกรอบรูปทำกรอบ แล้วใส่กระจกใหม่ทุกห้อง ทำกรอบเสร็จห้องน้ำดูดีขึ้นมาก ส่วนของห้องนอนใหญ่ผมเลือกกรอบขนาด 3.5 นิ้วมีลวดลาย แล้วสั่งพ่นสีดำ

ห้องนอนแขก

ห้องนอนเล็กสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนแม่ ซึ่งผมทิ้งให้แม่แต่ง ไม่ได้ถ่ายภาพมา ส่วนอีกห้องเป็นห้องนอนแขก ผมเลือกเตียง King size เผื่อแขกมาเป็นคู่จะได้นอนได้สบาย ผมแต่งห้องนี้ด้วยรูปภาพผ้าปักเป็นชุดสี่ภาพจากเวียดนามที่พ่อซื้อไว้นานแล้ว

ห้องนี้ไม่มีตู้เสื้อผ้า ผมใช้ตู้จีนแอนธีคมาวางสำหรับให้แขกเก็บของ

ยังมีห้องนอนชั้นล่างที่ผมยังไม่ได้จัด ตั้งใจว่าจะปรับเปลี่ยนเพื่อใช้งาน ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ทำอะไร เลยเก็บเอาไว้ก่อน  ส่วนรอบๆบ้านมีแพลนจัดต่อ ไว้จะมาอัพเดทนะครับ

 

อัลบั้มภาพ 64 ภาพ

อัลบั้มภาพ 64 ภาพ ของ ต่างสไตล์ต่างยุคต่างสมัยใต้หลังคาเดียวกัน รีวิวแต่งบ้านเดี่ยวสไตล์ Eclectic

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook